“ดีเซลแพง” ระเบิดเวลาที่พร้อมถล่มรัฐบาล ลุ้นระทึก! ถอดสลักก่อนบึ้มทันหรือไม่!?!

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

ปัญหารัฐบาลยังมีให้แก้ต่อเนื่อง ไม่ว่าเรื่องอาหารการกิน หรือการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน ซึ่งเป็นการวัดความสามารถของรัฐบาลว่าจะหาแนวทางแก้ปัญหาได้มากน้อยแค่ไหน กับภายใต้แรงกดดันทั้งจากภายใน และภายนอกของรัฐบาลเอง

ล่าสุดเผือกร้อนลูกเก่ากลับมาคุกรุ่นอีกครั้งในเรื่อง “ราคาน้ำมันดีเซล” ที่ยังไม่มีท่าทีจะลดลง ยังคงเดินหน้าปรับขึ้นราคาต่อเนื่องแทบจะวัน เว้นวัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการรถบรรทุกเตรียมเคลื่อนพลบุกกระทรวงพลังงานอีกครั้งในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้แก้ไขปัญหาราคาน้ำมันดีเซลแพงเลย!

โดยก่อนหน้านี้แม้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงพลังงาน จับตาราคาน้ำมันดีเซลให้ตรึงราคาไม่เกิน 30 บาท/ลิตร ผ่านกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อไม่ให้ภาคธุรกิจและภาคขนส่งได้รับผลกระทบก็ตาม!!

และปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลของ ปตท.และบางจาก อยู่ที่ลิตรละ 29.94 บาท ขณะที่รายอื่นเกินลิตรละ 30 บาท โดยราคาของเชลล์สูงสุดที่ลิตรละ 31.64 บาท

เช่นเดียวกับ “นายสมภพ พัฒนอริยางกูล” โฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ก.พลังงานเตรียมแผนรองรับราคาพลังงานที่สูงขึ้น โดยคงมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ในการใช้เงินสนับสนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนดีเซลเพิ่มเติมจากเดิมอีก 50 สตางค์ รวมเป็น 2.49 บาทต่อลิตร เพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร

ส่วนการขอลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเดิมทีก็อยู่ในแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่แล้ว ซึ่งกองทุนน้ำมันฯ จะต้องรักษาสภาพคล่องของกองทุนฯ พร้อมทั้งประเมินนโยบาย เพื่อแจ้งมายังกระทรวงฯ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันจะยังใช้เงินกองทุนฯ เพื่อช่วยพยุงราคาน้ำมันอยู่

“นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท” ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ.กล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก และยอมรับว่าราคาสูงเกินคาดการณ์ ซึ่งมาจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากโควิด-19 ปัญหาความไม่สงบในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปัญหายูเครน และตุรกีระงับการลำเลียงน้ำมันผ่านท่อส่งที่เชื่อมต่อระหว่างตุรกีและอิรัก จากเหตุระเบิดที่ระบบการขนส่ง ยิ่งทำให้ตลาดเกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัว ทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องเข้าอุดหนุนราคาน้ำมัน เพื่อดูแลราคาดีเซลในไทยไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร มากกว่าคาดการณ์เดิม ซึ่งกองทุนติดลบไปแล้ว 8,700 ล้านบาท จนแบกรับภาระไม่ไหว ก.พลังงานจึงเริ่มหารือกับกระทรวงการคลังอีกรอบ เพื่อขอพิจารณาลดภาษี โดยก่อนหน้านี้ เคยเสนอลดภาษี 1 – 2 บาท/ลิตร แต่ก.คลังปฏิเสธการลดภาษี

หันมาในมุมของผู้ประกอบการรถบรรทุก ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซล ซึ่ง “นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง” ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย บอกว่า ได้มีการประชุมสัญจรสหพันธ์ฯ ครั้งที่ 2/2565 เพื่อสรุปมาตรการดำเนินการกรณีราคาน้ำมันแพง และการจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์พลังของคนรถบรรทุกรอบสุดท้าย หรือ ทรัคเพาเวอร์ไฟนอลซีซั่น (Truck Power Final Season) ซึ่งผลสรุปวันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้ เวลาประมาณ 09.00 น. จะนำรถบรรทุกไม่ต่ำกว่าพันคันไปที่หน้ากระทรวงพลังงาน ซึ่งในครั้งนี้อาจจะยกระดับไม่จัดกิจกรรมแค่วันเดียว แต่แนวโน้มอาจจะปักหลักค้างคืนอยู่ที่หน้ากระทรวงพลังงานก็ได้ แต่จะยังคงลดผลกระทบผู้ใช้ทางน้อยที่สุด และเป็นไปตามมาตรการสาธารณสุขการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนด้วย

“เราไม่ได้เรียกร้องให้รัฐบาลปรับลดราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 25 บาทเหมือนเดิม แต่อยากจะแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าขณะนี้รัฐบาลไม่ได้เหลียวแลผู้ประกอบการขนส่งและประชาชนที่บริโภคน้ำมันดีเซล เห็นได้จากการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินจากก่อนหน้านี้เก็บอยู่ที่ 7.44 บาท แต่ปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 20 สตางค์ ขณะที่การเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 5.99 บาท และไม่สามารถปรับลดได้ ทั้งที่น้ำมันดีเซลเป็นหัวใจหลักของประชาชนที่บริโภค แต่กลับไม่ลดสักบาท ดังนั้นรัฐบาลไม่สมควรอยู่ต่อไป”

เช่นเดียวกัน “ตัวแทนผู้ประกอบการขนส่งสินค้า จ.นครนายก” กล่าวว่า ได้รับความเดือดร้อนจากราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง จนแทบจะแบกภาระต้นทุนไม่ไหว เพราะตอนนี้ราคาน้ำมันที่เติมที่จ.นครนายก ราคาทะลุ 30 บาท/ลิตร แต่ที่รัฐบาลประกาศให้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร เป็นราคาที่ใช้ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดอื่นๆ เพราะคงไม่มีผู้ประกอบการรายใดนำรถบรรทุกมาเติมน้ำมันดีเซลที่กรุงเทพฯ จึงเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ตรงจุด และหากไม่สามารถแบกรับต้นทุนต่อไปได้ ก็จำเป็นต้องหยุดกิจการ ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ และจังหวัดใกล้เคียงได้

ปัญหาราคาน้ำมันจึงกลายเป็นระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดรัฐบาลได้ทุกเมื่อ!!!

อยู่ที่รัฐบาลจะถอดสลักระเบิดได้ทันเวลาก่อนที่จะระเบิดหรือไม่!?!

อ้างอิง
https://siamrath.co.th